Stay Informed

บทที่ 8 : VPN (Virtual Private Network) คืออะไร และทำงานอย่างไร

 

บทที่ 8 : VPN (Virtual Private Network) คืออะไร และทำงานอย่างไร

คำนำ

ในยุคที่ข้อมูลต้องปลอดภัยและผู้ใช้งานต้องการเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกล เทคโนโลยีหนึ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุดคือ VPN (Virtual Private Network) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายภายในขององค์กร หรือใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านช่องทางที่ปลอดภัยได้จากทุกที่ในโลก

VPN เปรียบเสมือน “อุโมงค์ส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต” ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทาง


1. VPN คืออะไร?

VPN (Virtual Private Network) คือเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างเครือข่ายส่วนตัวบนเครือข่ายสาธารณะ (เช่น อินเทอร์เน็ต) โดยการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่าน ทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถสอดแนมหรือดักฟังข้อมูลได้ง่าย


2. ทำไมต้องใช้ VPN?

  • ป้องกันการดักฟังข้อมูล (Data Interception)

  • ซ่อน IP Address และตำแหน่งของผู้ใช้งาน

  • เชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายองค์กรจากภายนอกอย่างปลอดภัย

  • เข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการที่ถูกจำกัดในบางพื้นที่

  • รักษาความเป็นส่วนตัวในการท่องอินเทอร์เน็ต


3. หลักการทำงานของ VPN

เมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อ VPN:

  1. เครื่องผู้ใช้สร้างการเชื่อมต่อเข้ากับ VPN Server

  2. ข้อมูลทั้งหมดถูกเข้ารหัส (Encryption) ก่อนส่งออกจากเครื่อง

  3. ข้อมูลวิ่งผ่าน “อุโมงค์ VPN” บนอินเทอร์เน็ต

  4. ปลายทางคือ VPN Server ซึ่งจะปลดรหัสและส่งข้อมูลไปยังจุดหมายปลายทาง

  5. ข้อมูลขากลับก็วิ่งย้อนผ่าน VPN Server ด้วยกระบวนการเข้ารหัสเช่นกัน


4. โปรโตคอลที่ใช้ใน VPN

มีหลายโปรโตคอลที่ VPN ใช้งานเพื่อรักษาความปลอดภัย เช่น

  • PPTP (Point-to-Point Tunneling Protocol)
    เก่ากว่า ง่าย แต่ความปลอดภัยต่ำ

  • L2TP/IPsec (Layer 2 Tunneling Protocol + IP Security)
    มีความปลอดภัยดีพอสมควร นิยมใช้ในองค์กร

  • OpenVPN
    ใช้งานได้หลากหลาย ระบบเปิด (Open Source) ปลอดภัยสูง

  • IKEv2/IPsec
    เสถียรและเร็ว โดยเฉพาะในอุปกรณ์พกพา

  • WireGuard
    โปรโตคอลรุ่นใหม่ เน้นความเร็ว ความปลอดภัย และโค้ดที่เล็กกว่า


5. ประเภทของ VPN

1) Remote Access VPN

  • ใช้สำหรับผู้ใช้รายบุคคลเชื่อมต่อเข้ามายังเครือข่ายองค์กรจากระยะไกล

  • ตัวอย่าง: พนักงาน Work from Home เชื่อมต่อเข้าสำนักงาน

2) Site-to-Site VPN

  • ใช้เชื่อมเครือข่ายสองสาขาหรือสององค์กรเข้าหากันผ่านอินเทอร์เน็ต

  • ทั้งสองฝั่งต้องมี VPN Gateway

3) Client-to-Site VPN

  • ผู้ใช้ปลายทางใช้ซอฟต์แวร์ Client เชื่อมเข้ากับ VPN Server

4) SSL VPN / Browser-based VPN

  • ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่ม

  • สะดวกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป


6. VPN ช่วยอะไรได้บ้าง?

  • ปกป้องข้อมูลบน Wi-Fi สาธารณะ
    เช่น ที่สนามบิน, ร้านกาแฟ

  • เข้าถึงข้อมูลขององค์กรจากระยะไกล
    โดยปลอดภัย

  • เลี่ยงข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ (Geo-restriction)
    เช่น ดูคอนเทนต์ต่างประเทศที่ปิดกั้นในบางพื้นที่

  • ซ่อนตัวตนบนโลกออนไลน์
    ยากต่อการติดตาม

  • ช่วยรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร


7. VPN มีข้อเสียอะไรบ้าง?

  • ความเร็วอินเทอร์เน็ตอาจลดลงเล็กน้อยเพราะข้อมูลถูกเข้ารหัส

  • บางเว็บไซต์หรือบริการบล็อกการใช้งาน VPN

  • VPN ฟรีบางแห่งอาจไม่ปลอดภัย (ดักฟังข้อมูลแทน)

  • ต้องเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่น่าเชื่อถือ


8. VPN กับความปลอดภัยองค์กร

  • องค์กรขนาดใหญ่เกือบทั้งหมดใช้ VPN ในการเชื่อมโยงสาขา และพนักงานนอกสถานที่

  • ช่วยป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรรั่วไหล

  • ผนวกการทำงานกับ Firewall, Intrusion Detection, Multi-Factor Authentication เพื่อเพิ่มความปลอดภัย


9. บทสรุป

VPN เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยรักษาความปลอดภัยในการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งส่วนตัวและองค์กร ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญจากทุกที่ในโลก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล

ในบทถัดไป เราจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับ Firewall (ไฟร์วอลล์) ซึ่งเป็นด่านแรกของการป้องกันภัยคุกคามเครือข่าย




Facebook Comment