Stay Informed

บทที่ 10: VLAN (Virtual LAN) คืออะไร และทำงานอย่างไร

 

บทที่ 10 : VLAN (Virtual LAN) คืออะไร และทำงานอย่างไร

คำนำ

เมื่อเครือข่ายองค์กรขยายใหญ่ขึ้น จำนวนอุปกรณ์และผู้ใช้งานในระบบเครือข่ายก็เพิ่มขึ้นตาม การจัดการเครือข่ายให้มีความเป็นระเบียบ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น

VLAN (Virtual LAN) เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถแบ่งเครือข่ายย่อยออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้แม้ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์สวิตช์ตัวเดียวกันก็ตาม


1. VLAN คืออะไร?

VLAN (Virtual Local Area Network) คือการสร้างกลุ่มเครือข่ายย่อยแบบเสมือนภายใน LAN เดียวกัน โดยแยกการสื่อสารของแต่ละกลุ่มออกจากกัน ทั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องเดินสายใหม่หรือใช้สวิตช์หลายตัว

  • VLAN ช่วยลดการกระจาย Broadcast

  • เพิ่มความปลอดภัยในการแยกกลุ่มผู้ใช้งาน

  • ช่วยบริหารจัดการเครือข่ายได้ง่ายขึ้น


2. ทำไมต้องใช้ VLAN?

  • แยกกลุ่มผู้ใช้งานแต่ละแผนก (เช่น HR, IT, Sale)

  • เพิ่มความปลอดภัย (แต่ละ VLAN มองไม่เห็นกันโดยตรง)

  • ลด Broadcast Traffic ในเครือข่าย

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเครือข่าย

  • รองรับการเติบโตขององค์กรในอนาคต


3. หลักการทำงานของ VLAN

  • อุปกรณ์สวิตช์ (Switch) รองรับการตั้ง VLAN

  • แต่ละพอร์ตในสวิตช์สามารถกำหนดให้เป็นสมาชิกของ VLAN ใดก็ได้

  • อุปกรณ์ใน VLAN เดียวกันสามารถสื่อสารกันได้เหมือนอยู่ใน LAN เดียวกัน

  • อุปกรณ์ต่าง VLAN ไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยตรง เว้นแต่มีการกำหนด Router หรือ Layer 3 Switch ช่วยในการ Routing ข้าม VLAN (เรียกว่า Inter-VLAN Routing)


4. การกำหนด VLAN ID

  • VLAN แต่ละกลุ่มมีหมายเลขประจำตัวที่เรียกว่า VLAN ID

  • VLAN ID มีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 4094 (ตามมาตรฐาน IEEE 802.1Q)

  • ตัวอย่าง:

    • VLAN 10 → แผนกบัญชี

    • VLAN 20 → แผนกไอที

    • VLAN 30 → แผนกขาย


5. ประเภทของพอร์ตใน VLAN

1) Access Port

  • เป็นพอร์ตที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทาง เช่น PC, Printer

  • จะเป็นสมาชิกของ VLAN ใด VLAN หนึ่งเท่านั้น

2) Trunk Port

  • เป็นพอร์ตที่เชื่อมต่อระหว่าง Switch ด้วยกัน

  • สามารถส่งข้อมูลได้หลาย VLAN ผ่านการติดแท็ก (Tagging) ตามมาตรฐาน IEEE 802.1Q

  • แต่ละเฟรมที่ส่งผ่าน Trunk จะมี VLAN Tag ติดอยู่เพื่อบอกว่าเฟรมนั้นมาจาก VLAN ใด


6. ตัวอย่างการทำงานของ VLAN

องค์กรมี 3 แผนก

แผนกVLAN IDอุปกรณ์
IT10PC-IT1, PC-IT2
HR20PC-HR1, PC-HR2
Sale30PC-Sale1, PC-Sale2
  • สวิตช์มีการกำหนด Access Port ให้แต่ละพอร์ตอยู่ใน VLAN ที่กำหนด

  • เมื่อ PC-IT1 ส่งข้อมูลไป PC-IT2 → ข้อมูลวิ่งภายใน VLAN 10

  • เมื่อ PC-HR1 ส่งข้อมูล → จะไม่สามารถติดต่อ PC-IT1 ได้โดยตรง

  • ถ้าต้องการให้ข้าม VLAN → ต้องใช้ Router หรือ Layer 3 Switch มาช่วย Routing


7. VLAN Tagging (IEEE 802.1Q)

  • เป็นมาตรฐานที่ใช้ระบุ VLAN ID ในเฟรม Ethernet

  • ใช้ Tag ขนาด 4 ไบต์ แทรกไว้ใน Ethernet Frame

  • ช่วยให้ Trunk Port สามารถส่งข้อมูลหลาย VLAN พร้อมกันในลิงก์เดียวได้


8. ข้อดีของ VLAN

  • แยกกลุ่มผู้ใช้ตามหน้าที่

  • ลด Broadcast Domain

  • เพิ่มความปลอดภัย (แยกข้อมูลระหว่างแผนก)

  • ช่วยควบคุมปริมาณ Traffic ในระบบ

  • รองรับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรง่ายขึ้น (ไม่ต้องเดินสายใหม่)


9. ข้อจำกัดของ VLAN

  • ต้องใช้ Switch ที่รองรับ VLAN

  • ต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่อง VLAN Tagging, Trunk, Access Port

  • การจัดการ VLAN จำนวนมากต้องมีการวางแผนที่ดี


10. VLAN กับ Inter-VLAN Routing

  • อุปกรณ์ต่าง VLAN ต้องผ่าน Router หรือ Layer 3 Switch เพื่อสื่อสารกัน

  • เรียกกระบวนการนี้ว่า Inter-VLAN Routing

  • ในองค์กรขนาดใหญ่ มักใช้ Layer 3 Switch เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพสูงกว่า


11. บทสรุป

VLAN เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ระบบเครือข่ายสามารถแยกส่วน จัดระเบียบ และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งในเทคนิคพื้นฐานที่ผู้ดูแลระบบเครือข่ายต้องเข้าใจเป็นอย่างดี

ในบทถัดไป เราจะเข้าสู่เรื่อง บทที่ 11: Load Balancer คืออะไร และทำงานอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องของการกระจายโหลดในระบบเครือข่ายและเซิร์ฟเวอร์




Facebook Comment