Error Handling ใน JavaScript

---

1. Error คืออะไร

Error (ข้อผิดพลาด) คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อโปรแกรมทำงานผิดพลาดระหว่าง runtime เช่น

• Syntax Error — เขียนโค้ดผิดไวยากรณ์

• TypeError — ใช้งานชนิดข้อมูลผิด

• ReferenceError — เรียกตัวแปรที่ไม่มีอยู่

• RangeError — ค่าผิดขอบเขต

ตัวอย่าง:

javascript

let x = y + 5;  // ReferenceError: y is not defined

ถ้าไม่จัดการ error เหล่านี้ โปรแกรมจะหยุดทำงานทันที

---

2. การใช้ try...catch

เป็นวิธีหลักในการจัดการ error

โครงสร้าง:

javascript

try {
  // โค้ดที่อาจเกิด error
} catch (error) {
  // โค้ดที่ทำเมื่อเกิด error
}

ตัวอย่าง:

javascript

try {
  let result = 10 / 0;
  console.log(result);
} catch (error) {
  console.log("เกิดข้อผิดพลาด:", error.message);
}

แม้ในตัวอย่างนี้จะไม่มี error แต่ถ้ามี error เกิดขึ้นใน try
โปรแกรมจะกระโดดเข้า catch ทันที

---

3. ส่วน finally

finally จะทำงานทุกครั้งไม่ว่า error จะเกิดหรือไม่

javascript

try {
  let data = JSON.parse('{name:"มิว"}');  // JSON ผิดรูปแบบ
} catch (error) {
  console.log("เกิด error:", error.message);
} finally {
  console.log("จบการทำงาน");
}

---

4. การสร้าง Error เอง (Throw)

บางครั้งเราอยากสร้าง error เอง เพื่อควบคุม flow โปรแกรม

javascript

function divide(a, b) {
  if (b === 0) {
    throw new Error("ห้ามหารด้วยศูนย์");
  }
  return a / b;
}

try {
  console.log(divide(10, 0));
} catch (e) {
  console.log("Error:", e.message);
}

• throw ใช้สร้าง error

• new Error() ใช้สร้าง object error ใหม่

---

5. Catch เฉพาะบาง error

ตั้งแต่ ES10 (ปี 2019) เราสามารถเขียน catch แบบไม่ต้องมี parameter ได้

javascript

try {
  // ...
} catch {
  console.log("มี error เกิดขึ้น");
}

แต่ถ้าอยากรู้รายละเอียด error ก็ควรใส่ parameter ไว้เช่นเดิม

---

6. ใช้ Error Handling กับ Async/Await

เมื่อทำงานกับ promise และ async/await เราก็ใช้ try/catch ได้

javascript

async function getData() {
  try {
    let res = await fetch("https://api.example.com/data");
    let data = await res.json();
    console.log(data);
  } catch (error) {
    console.log("เกิด error:", error.message);
  }
}

แบบนี้จะปลอดภัยมากกว่าการใช้ .then().catch() เยอะในหลายกรณี

---

7. ประเภทของ Error ที่มีใน JS

• Error (แม่ของทุก error)

• SyntaxError

• TypeError

• ReferenceError

• RangeError

• EvalError

• URIError

ตัวอย่าง:

javascript

try {
  null.f();  // TypeError
} catch (e) {
  if (e instanceof TypeError) {
    console.log("เป็น TypeError");
  }
}

---

8. การใช้ Custom Error Class

ถ้าเขียนระบบใหญ่ๆ อาจต้องสร้าง error ของตัวเอง

javascript

class MyError extends Error {
  constructor(message) {
    super(message);
    this.name = "MyError";
  }
}

try {
  throw new MyError("เกิดข้อผิดพลาดเฉพาะของระบบ");
} catch (e) {
  console.log(e.name + ": " + e.message);
}

---

สรุปสั้นๆ อีกที

• try...catch ช่วยให้โปรแกรมไม่หยุดทำงานเมื่อมี error

• finally ทำงานเสมอ

• throw ใช้สร้าง error เอง

• ใช้ try...catch กับ async/await เสมอ

• เขียน Custom Error ได้เมื่อระบบซับซ้อน