บทที่ 3 : IP Address และ Subnet Mask
คำนำ
เมื่อเรารู้จัก TCP/IP Model แล้ว สิ่งสำคัญถัดไปคือเรื่อง "การระบุตัวตน" ของอุปกรณ์ในเครือข่าย ซึ่งใช้ IP Address ในการกำหนดที่อยู่ของแต่ละเครื่อง และ Subnet Mask ในการแบ่งเครือข่ายย่อย
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการทำงานของ IP Address และ Subnet Mask ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน
1. IP Address คืออะไร?
IP Address (Internet Protocol Address) คือหมายเลขประจำตัวของอุปกรณ์ในเครือข่าย เปรียบเสมือน "บ้านเลขที่" ที่ใช้ในการส่งข้อมูลให้ถึงปลายทางได้ถูกต้อง
IP Address มี 2 เวอร์ชันหลักที่ใช้งานในปัจจุบัน ได้แก่ IPv4 และ IPv6
2. IPv4 เบื้องต้น
IPv4 เป็นเวอร์ชันดั้งเดิมที่ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย
รูปแบบของ IPv4 เป็นตัวเลข 32 บิต แบ่งเป็น 4 ชุด แต่ละชุดมีค่า 0 ถึง 255 (ใช้การแปลงจากเลขฐานสองเป็นฐานสิบ)
ตัวอย่างเช่น
192.168.1.10
แต่ละชุดเรียกว่า "octet" มี 8 บิต
เนื่องจากมีความยาว 32 บิต IPv4 จึงสามารถสร้างหมายเลข IP ได้ประมาณ 4.3 พันล้านหมายเลข
3. IPv6 เบื้องต้น
เนื่องจากจำนวนอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นมาก IPv6 จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับจำนวน IP ได้มากกว่าเดิม
IPv6 ใช้ตัวเลข 128 บิต แสดงผลในรูปฐานสิบหก แบ่งเป็น 8 กลุ่ม
ตัวอย่างเช่น
2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334
IPv6 สามารถรองรับ IP ได้มากถึงหลายล้านล้านล้านล้านหมายเลข
4. ส่วนประกอบของ IP Address
IP Address แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก
-
Network Portion: ระบุว่าอยู่ในเครือข่ายใด
-
Host Portion: ระบุว่าเป็นอุปกรณ์ตัวใดในเครือข่ายนั้น
ตัว Subnet Mask จะเป็นตัวช่วยบอกว่า ส่วนใดเป็น Network Portion และส่วนใดเป็น Host Portion
5. Subnet Mask คืออะไร?
Subnet Mask คือค่าที่กำหนดว่ากี่บิตแรกของ IP Address เป็นส่วนของ Network
รูปแบบของ Subnet Mask ใน IPv4 มักอยู่ในรูปตัวเลข 4 ชุด เช่น
255.255.255.0
ค่าของ Subnet Mask นี้บอกว่าชุดแรกๆ ที่เป็น 255 คือ Network Portion ส่วนชุดที่เป็น 0 คือ Host Portion
ตัวอย่างเช่น
ถ้า IP Address คือ 192.168.1.10
และ Subnet Mask คือ 255.255.255.0
หมายความว่า 192.168.1 เป็น Network
และหมายเลข 10 คือ Host ใน Network นั้น
6. การเขียนแบบ CIDR
เพื่อความสะดวกในการเขียน มักใช้รูปแบบ CIDR (Classless Inter-Domain Routing) โดยระบุจำนวนบิตของ Network Portion
ตัวอย่างเช่น
192.168.1.10/24
เครื่องหมาย /24 หมายถึง Network Portion มี 24 บิต (เท่ากับ Subnet Mask 255.255.255.0)
7. ประเภทของ IP Address
IP Address สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
-
Public IP: ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต
-
Private IP: ใช้ภายในเครือข่ายองค์กรหรือบ้าน เช่น 192.168.x.x, 10.x.x.x
-
Loopback IP: ใช้ภายในเครื่องตนเอง เช่น 127.0.0.1
-
APIPA: ระบบสุ่ม IP อัตโนมัติเมื่อไม่ได้รับ IP จาก DHCP เช่น 169.254.x.x
8. ตัวอย่างการทำงาน
สมมุติว่าอุปกรณ์ 2 ตัวในบ้านมี IP ดังนี้
เครื่อง A: 192.168.1.10/24
เครื่อง B: 192.168.1.20/24
ทั้งสองเครื่องอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน จึงสามารถสื่อสารกันได้โดยตรงผ่าน Switch หรือ Access Point โดยไม่ต้องออกสู่ภายนอก
แต่ถ้าเครื่อง B อยู่คนละเครือข่าย เช่น 192.168.2.20/24
การสื่อสารจะต้องผ่าน Router เพราะเป็นคนละ Network แล้ว
9. บทสรุป
การเข้าใจ IP Address และ Subnet Mask เป็นพื้นฐานสำคัญในการวางระบบเครือข่าย ทั้งการกำหนด IP ให้เหมาะสม การแบ่งเครือข่ายย่อย (Subnetting) และการแก้ไขปัญหาเครือข่าย
ในบทถัดไป เราจะไปเจาะลึกเรื่อง "การทำ Subnetting" ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้เราสามารถแบ่งเครือข่ายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ป้ายกำกับ
บทความ
Facebook SDK
CSS Content ( แสดงทุกหน้าของบทความ )
COKKIE POPUP